ลายเซ็นท้ายหรือคำลงท้าย Email คืออะไร
- ลายเซ็นหรือข้อความทั้าย Email คือการระบุชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หรือ Contact ของผู้ส่ง Email ส่วนใหญ่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นลายเซ็นท้าย Email เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า Email ดังกล่าวนั้นมีตัวตนส่งมาจริงๆและเป็นการส่ง Email ในนามบริษัทหรือในนามบุคคลด้วย หากเป็นการติดต่อทาง Email Hosting อย่างมืออาชีพ ลายเซ็นถือว่าเป็นองค์ประกอบในการเขียน Email อย่างมากเช่นกัน
- ตัวอย่างเช่น
——————-
Regards,
Name Surname (ชื่อ นามสกุล)
Position (ชื่อตำแหน่ง)Company Co., Ltd. (ชื่อบริษัท)
Address: (ที่อยู่บริษัท)
Tel : +66 (เบอร์โทรออฟฟิต)
Email: name@yourcompany.com (อีเมล์ของคุณ)
ทำไมต้องตั้งลายเซ็นหรือคำลงท้าย Email
- ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารมากขึ้น ทำให้ช่องทางการติดต่อมีหลายทางเลือก ถ้าหากเกิดว่าอีเมล์มีปัญหาในการติดต่อ ก็สามารถติดต่อช่องทางอื่นที่ระบุไว้ในลายเซ็นได้
- เกิดความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร เพราะหัวใจในการดำเนินธุรกิจ คือความน่าเชื่อ มีการระบุตัวตนที่ตั้ง ของบริษัท อย่างชัดเจน เกิดความสบายใจของผู้ติดต่อ
- มองเห็นความเป็นมาตรฐานขององค์กร ดูเป็นมืออาชีพในการติดต่อธุรกิจ
วิธีการตั้งลายเซ็นใน outlook ตั้งได้อย่างไร
- 1.ในข้อความใหม่ บนแท็บ ข้อความ ในกลุ่ม รวม ให้คลิก ลายเซ็น แล้วคลิก ลายเซ็น
- 2.บนแท็บ ลายเซ็นอีเมล์ ให้คลิก สร้าง
- 3.พิมพ์ชื่อสำหรับลายเซ็น แล้วคลิก ตกลง
- 4.ในกล่อง แก้ไขลายเซ็น ให้พิมพ์ข้อความที่คุณต้องการรวมไว้ในลายเซ็น
- 5.เมื่อต้องการจัดรูปแบบข้อความ ให้เลือกข้อความ จากนั้นใช้ปุ่มลักษณะและการจัดรูปแบบเพื่อเลือกตัวเลือกที่คุณต้องการ
- 6.เมื่อต้องการเพิ่มองค์ประกอบอื่นนอกจากข้อความ ให้วางเคอร์เซอร์ของคุณในตำแหน่งที่คุณต้องการให้องค์ประกอบนั้นปรากฏ แล้วเลือกทำสิ่งใดๆ ต่อไปนี้
- 7.หลังจากที่คุณสร้างลายเซ็นเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิก ตกลง
วิธีการตั้งลายเซ็นใน thunderbird ตั้งได้อย่างไร
เลือก Preferences > Account Settings
เลือก Account ที่ต้องการตั้งค่าด้านซ้าย จากนั้นกรอกข้อความที่เป็นคำลงท้ายอีเมล์
จากนั้นคลิก OK
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมการใช้งานอีเมล์องค์กรถึงใช้ใน Outlook
App ที่นิยมใช้เช็ค Email บนมือถือและ ipad
ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ Mail Server ส่ง Email ไม่ถึงปลายทาง
การแนบไฟล์ในการใช้งาน Mail Server ควรเป็นเท่าไหร่ ?
การใช้งาน Email บนมือถือจะทำให้พื้นที่มือถือเต็มมั้ย ?
Facebook Comments