หลายๆคนเข้าใจว่าเมื่อ IP ของ Mail Server ไม่ติด Blacklist แล้วย่อมส่งเมล์ไปหาใครก็ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเมื่อ Mail Server ปลายทางนั้นมีความเข้มงวดในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือการรับ Email มากขึ้นไปถึงระดับ IP ของเว็บไซต์และนำ IP นั้นไปตรวจสอบอีกครั้งว่า IP นั้นติด Blacklist หรือไม่ หากติดอาจจะมีปฎิเสธการรับ Email ในครั้งนั้นเพราะมองว่าอาจจะมีความไม่น่าเชื่อถือ
IP ของ Website คืออะไร ?
โดยปกติในองค์กรต่างๆล้วนมีเว็บไซต์องค์กรของตนเองโดยเช่า Web Hosting จากผู้ให้บริการต่างๆ และนำข้อมูลเหล่านั้นขึ้นไปยัง Web Hosting ที่ได้เช่าบริการไว้ ซึ่ง Web Hosting แต่ละที่ก็จะมี IP ของตนเอง โดยการตรวจสอบ IP ของ Website ตนเองทำได้ง่ายๆ เพียง ping www.domain.com หลังจากนั้นก็จะได้หมายเลข IP ของ Website ตนเองออกมาซึ่งโดยปกติ IP นี้จะถูกใช้โดยหลายเว็บไซต์ที่ใช้งานใน Server เดียวกัน
IP ของ Website ติด Blacklist ได้อย่างไร ?
จากประสบการณ์ของผู้เขียนมักเกิดจาก Website ประเภท Open Source เช่น WordPress หรือ Joomla อาจจะติดไวรัสบางประเภททำให้ Website เหล่านี้ส่ง Email ประเภท Spam ออกไปจำนวนมากโดยที่เจ้าของ Website ก็อาจจะยังไม่ทราบและทำให้ IP เหล่านี้ติด Blacklist หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจาก Web Server เหล่านี้อาจจะใช้งานเป็น Mail Server ด้วย เมื่อมี User ส่ง Spam ก็จะทำให้ IP ของ Website ที่อยู่ใน Server ดังกล่าวติด Blacklist ไปด้วย
IP Website ติด Blacklist ส่งผลต่อการส่งเมล์อย่างไร ?
- ไม่สามารถส่งหาปลายทางได้
เนื่องจาก Mail Server อาจจะมองว่า Sender Domain ของเราอาจจะเคยมีประวัติการส่ง Spam เป็นต้น - Email อาจจะเข้าไปยัง Junk/Spam folder ปลายทาง
หาก Mail Server ปลายทางรับอาจจะนำ Email เหล่านั้นไปไว้ใน Folder Spam/Junk Mail แทนเนื่องจากมองว่าผู้ส่งนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ
จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
- ปัญหาดังกล่าวโดยปกติต้องให้ผู้ให้บริการ Website แก้ไขเท่านั้น ซึ่งการแก้ไขควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา เช่น ระงับการใช้งานของ Website ที่มีปัญหาทันที
- หากลูกค้ายังพบปัญหาเหล่านี้บ่อยครั้ง ควรใช้งาน Website ประเภท VPS (Server ส่วนตัว) ซึ่งจะได้หมายเลข IP สำหรับ Website ตนเองเพียงเว็บเดียว แต่ควรตรวจสอบก่อนได้รับ IP ว่า IP นั้นติด Blacklist มาก่อนหรือไม่